การทำศัลยกรรมนั้นได้เริ่มมาครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1917 เป็นที่แน่นอนว่าการทำศัลยกรรมมีมาเนิ่นนาน นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการผ่าตัดและการรักษาก็ได้รับการพัฒนามาโดยตลอด ถ้าหากสังเกตเปรียบเทียบการทำศัลยกรรมใน 10 ปีก่อน กับปัจจุบันก็ได้มีการเปลี่ยนไปอย่างมาก เทรนด์บางอย่างที่ได้รับความนิยมในอดีต ก็อาจจะส่งผลมาถึงปัจจุบัน
เสริมจมูกมานานแล้ว ต้องแก้ไหม
การทำจมูกหรือศัลยกรรมจมูกในสมัยก่อน ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีในยุคนั้นในด้านการศัลยกรรมยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้ในบางท่านที่ทำมานาน ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย ใบหน้าก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
ในบางท่านที่เลือกจะแก้ไข หรือต้องการแก้จมูกใหม่นั้น ก็มาด้วยปัญหาที่พบได้หลักๆคือ แกนจมูกเบี้ยว ซิลิโคนลอย ปลายจมูกมีอาการตึง หรือปลายจมูกบางใสใกล้ทะลุ จึงเลือกแก้จมูกเพื่อรักษาอาการที่กล่าวโดยข้างต้น เพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นจมูกทะลุนั่นเอง
อาการที่บ่งบอกว่าเราควรพบแพทย์และแก้จมูก
หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ควรปล่อยปละละเลย เช่น ปลายจมูกแดง ปลายจมูกมีอาการบวม ซิลิโคนลอยไม่ล็อคกับแกนจมูก แกนจมูกเบี้ยวหรือเอียง ควรรีบพบแพทย์และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง หากปล่อยไว้นาน การรักษาหรือแก้จมูกจะยากขึ้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อภาวะอันตรายหลายอย่างได้เช่นกัน
ซิลิโคนลอย , ซิลิโคนลอยตรงหัวตา
ซิลิโคนลอย คืออาการที่ซิลิโคนไม่ติดกับบริเวณฐานของจมูก ซึ่งทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ได้ บิดไปบิดมาได้ หากปล่อยไว้นาน ซิลิโคนมีโอกาสไหลมาบริเวณปลายจมูกตามแรงโน้มถ่วง จนสามารถเกิดอาการซิลิโคนทะลุได้
ปลายจมูกใส แดง และอักเสบ ตึงบริเวณปลายจมูก
หากพบว่าบริเวณปลายจมูกมีความใสจนสังเกตได้ชัด มีอาการบวมแดง รู้สึกตึงบริเวณปลายจมูก สัญญาณของอาการอักเสบหรือติดเชื้อ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ควรปล่อยไว้นาน หากปล่อยไว้นานนอกจากการอักเสบที่มากขึ้นแล้ว อาจจะมีอาการแทรกซ้อนอื่นซึ่งส่งผลต่อการรักษาได้
จมูกเบี้ยว เอียง
เมื่อรู้สึกซิลิโคนเบี้ยวหรือเอียงจากตอนแรกที่ทำศัลยกรรมมา นี่คือสัญญาณของแกนซิลิโคนเคลื่อนตัวออกจากฐานจมูก เมื่อมองหน้าตรงจะรู้สึกจมูกไม่สมมาตรกัน หากทิ้งไว้นาน เนื้อข้างที่ถูกซิลิโคนดันให้เอียงจากฐานเดิมจะถูกยืดออก ทำให้การรักษากลับมาให้ตรงตามเดิมเป็นไปได้ยากขึ้น จึงควรรีบพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
ซิลิโคนทะลุ
เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนที่สุด หากสังเกตความผิดปกติของปลายจมูกเช่น เนื้อจมูกเริ่มใสจนเห็นซิลิโคนทะลุออกมาชัดเจน ไม่ว่าจะทะลุบริเวณใดของจมูกก็ควรเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานจนซิลิโคนทะลุและโผล่ออกมาเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะการที่ซิลิโคนทะลุออกมาด้านนอก จะเป็นการเปิดช่องให้เชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการจมูกอักเสบติดเชื้อในที่สุด หากไม่รีบทำการรักษา อาจส่งผลต่อรูปลักษณ์ของจมูกในอนาคตอีกด้วย
แก้จมูกให้ตรงจุด
การแก้จมูกนั้นควรเป็นไปตามความเห็นของแพทย์ ในบางท่านอาจจะต้องนำซิลิโคนออกมาก่อน และให้ร่างกายได้พักฟื้น สมานเนื้อผิวบริเวณปลายจมูกสมบูรณ์ และค่อยกลับมาแก้ไขรักษา แต่ในบางที่อาการไม่รุนแรงมาก แพทย์จะแนะนำการแก้จมูกที่เหมาะสมกับใบหน้าให้ เพื่อป้องกันปัญหาการทะลุของบริเวณจมูกในระยะยาว
ดูแลตัวเองอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์
เมื่อแก้จมูกมาแล้ว ควรปฏิบัติตามสิ่งที่แพทย์ได้แจ้งไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ควรละเลยสิ่งที่แพทย์ได้แจ้งเอาไว้ ทานยาให้ครบ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนที่ส่งผลในซิลิโคนเคลื่อนที่ งดอาหารแสลงต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้สมานแผลและรักษาตัวได้ไว้ขึ้น
อย่างที่ทราบกันว่าการแก้จมูกนั้นมีขั้นตอนและวิธีการรักษาที่แตกต่างกับการเสริมจมูกมาก การประเมินที่ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมิน ขั้นตอนการผ่าตัดรักษา เช่น ต้องเลาะผังผืดเก่าออกไปเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ดังนั้น หลังจากได้รับการเสริมจมูกมาแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ป้องกันปัญหาจมูกทะลุ ซิลิโคนลอยหรือปัญหาอื่นๆที่อาจตามมาในภายหลัง หากพบปัญหาที่กล่าวมาก็ควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและรับการรักษาอย่างถูกต้อง